เมื่อ เวลา 13.00 น. วันที่ 29 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง รับ แจ้งมีชายเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในชุมชนหนองผักหนาม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง จึงรุดเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ภายในบริเวณบ้านปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ดูอึมครึม มุมบ้านขวามือมีต้นไม้สูงใหญ่ ภายในบ้านมี รถ จักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต อยู่ 1 คัน พร้อม กับ อาหาร จำนวน 2 ถุง น้ำ ดื่ม 1 แพ็ค และ ข้าว ของ เครื่อง ใช้
สอบถามนายแผน อายุ 64 ปี รปภ.ของหมู่บ้านเล่าว่า ผู้ตายชื่อนายสุปรีย์ อายุ 47 ปี เขาแยกทางกับเมียไปได้ 6-7 ปี เขาไม่ทำงานทำการไม่พูดจากับใครกินแต่เบียร์ทุกวัน เขาใช้ชีวิต แบบนี้ มาตั้งแต่เมียเขาไม่อยู่ เช้ามาเขาก็จะออกไปซื้อกับข้าวและตกบ่ายประมาณบ่าย2- 3 โมงเขาก็จะออกไปซื้อเบียร์และกับแกล้มบางวันก็ 2 ขวดบางวันก็ 4 ขวด ขนาดตนทักเขา เขาก็ได้แค่พยักหน้า เท่านั้น
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายสุปรีย์ ผู้ตายโทรไปหาน้องชายเขาที่อยู่เชียงใหม่ ว่าตัวเองนั้นไม่ค่อยสบายและเครียด เรื่องการเงิน (น้าชาย เป็นญาติคนเดียวที่อยู่ใกล้ที่สุด )จึงเดินทางมาเยี่ยมเขา แต่ก็มาเรียกอยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงไม่มีการตอบรับเขาจึงนำอาหารและของที่ซื้อมาฝากแขวนไว้ที่รถจักรยานยนต์ และเขาก็ฝากบอกตนให้ช่วยดูให้หน่อยเพราะเรียกแล้วไม่มีการตอบรับเขาก็ไม่กล้าเข้าไปในบ้าน เนื่องจากผู้ตาย เคยมีปากเสียง กันว่าห้ามเข้าไปในบ้านโดยที่เขาไม่ได้อนุญาต
ซึ่งผู้ตายนั้นเขาเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่เมียเขาแยกทางไปมีอาการหวาดระแวงเขาจึงล็อคประตูบ้านและในห้องของเขาทั้งหมด ตนพยามขับรถมาดู วันละ 2-3 รอบแต่ก็เห็นกับข้าวยังอยู่ที่เดิม จนกับข้าวนั้นบูด และเริ่มเอะใจว่าทำไมเขาไม่ออกไปซื้อเบียร์
เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ตนจึง ตั้งใจจะเข้าไปเรียกเขาแต่ก็เริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่า ตนจึงโทรไปบอกน้องชายเขาที่อยู่เชียงใหม่ และน้องชายเขาก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สอบถามนายธาณุวัฒน์ จันทรศิริ ( ผมหยักศก) เจ้าที่กู้ภัยสยามระยอง เผยว่า หลังจากตนได้รับแจ้งจึงเข้ามาในพื้นที่และงัดประตูเข้าไปภายในบ้านพบเห็น ขวดเบียร์ ซึ่งมีอยู่เยอะมากๆคาดว่าน่าจะเป็นหมื่นขวด เรียกได้ว่าช้างเป็นโขลงใหญ่ เลยทีเดียว สภาพศพนั้นน่าจะเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วันโดยนอนหงายอยู่บนกองขวดเบียร์ เปลือยกายห่มผ้าแพร และมีพัดลมล้มอยู่ ที่หว่างขา
นายสุรชาติ จินตนา อายุ 32 ปีเจ้าหน้าที่กู้ภัย สยามระยอง(ใส่แว่น) เผยว่าศพนี้เป็นศพที่ยากมากๆตั้งแต่ตนเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาและเฮี้ยนมากๆด้วยตอนแรกที่ตนมาถึง และได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าว ศพยังไม่มีกลิ่นลอยมาเลย
แต่พอผู้สื่อข่าวเริ่มสอบถามถึงภรรยาของเขากลิ่นศพ ลอยมาทันที จนทำให้ เกือบทนกันไม่ได้ และด้วยที่ บ้านของเขานั้นเต็มไปด้วยขวดเบียร์มีทางเดินอยู่นิดเดียวและประตูห้องเขาทุกบ้านล็อคหมดเป็นอุปสรรคต่อการนำศพลงมา
รอบแรกที่เดินเข้าไปตรวจสอบดูได้เปิดประตูไว้แล้วแต่พอนำเปลขึ้นเพื่อที่จะเอาศพลงมา ขวดที่วางอยู่ข้างๆทั้งหมดร่วงลงมาขวางทางเดินทำให้ประตูเปิดอ้าไม่ได้ ส่วนตัวแล้วเชื่อว่าศพนี้เฮี้ยนจริงๆ
อีกทั้งที่บ้านเขาอยู่ติดกับต้นไม้ใหญ่ด้วย ซึ่ง มีความเชื่อกันว่าถ้ามีต้นไม้ใหญ่และมีคนตายศพจะเฮี้ยนมากๆ
นางลาล่า( ผมสีชมพู) เล่าว่า ตนเป็นคนดูแลหมู่บ้านคอยกวาดใบไม้ใบหญ้า ซึ่ง ตั้งแต่ตนอยู่มา 5 ปีแล้วเขาก็ใช้ชีวิตแบบนี้ ตกเย็นมาจะไปซื้อเบียร์ซื้อน้ำแข็งกับแก้มมากินตลอดเขาไม่พูดจาไม่คุยกับใคร และก็ไม่รู้ว่าเขาเสียชีวิตด้วยอะไรอาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนหรือเปล่า ก็เลยอาจจะน็อคไป
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นิคมพัฒนา เผยว่าทางแพทย์เวรของโรงพยาบาลนิคมพัฒนา ได้เข้าพื้นที่และตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่ทราบว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด เนื่องจากภายในบ้านไม่มีรอยงัดแงะ ไม่มีการต่อสู้และที่ตัวขอ ผู้เสียชีวิตนั้น ไม่มีร่องรอยบาดแผล จึงต้องส่งตัว ผู้เสียชีวิตผ่าชันสูตร ซึ่งในเบื้องต้น คาดว่าเขาน่าจะเสียชีวิตอาจจะเป็นช่วงเย็นวันเสาร์ เพราะ วันอาทิตย์ญาติเขา มาตะโกนเรียกหาก็ไม่มีการตอบรับใดๆ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอผลชันสูตรจากแพทย์ก่อน
โดยในขณะนี้ได้ประสานญาติ ของเขา ที่พักอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ให้รับทราบและมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว
อย่างไรก็ตามชาวบ้านในละแวก เผยว่า ผู้เสียชีวิตนั้น รักเมียมากๆ พูดถึงเมียปุ๊บกลิ่น ศพลอยขึ้นมาทันที และขนาดที่จะนำศพ ออกมาก็มีอุปสรรคมากมาย ความรักหนอความรักเหมือนศพไม่อยากไปไหนเลย


