


ชาวบ้านรวมตัวไม่ทน นักโพสต์ไม่เคยช่วยแต่หาเรื่องตลอด หลายครั้ง มากๆ พาทั้ง ตำรวจ ป่าไม้ สจ มาตรวจสอบ รู้ข้อเท็จจริงทุกอย่างแต่ก็ยังวายหาเรื่องอยู่ได้ตลอดจนคนทำท้อไปแล้ว ทำเพื่อชุมชนแท้ๆ กลับถูกหาเรื่องอยู่ร่ำไปวันนี้ขอดำเนินคดีตำรวจไปตรวจสอบพฤติกรรม
เมื่อเวลา 16.00น. วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง กลุ่มตัวแทนหมู่บ้านเนินสำเหร่ หมู่3 ต.บ้านฉาง อ. บ้านฉาง จ.ระยอง ส่งตัวแทน10คนเข้าแจ้งความ เนื่องจากมีนักโพสต์ ชอบหาเรื่องเกี่ยวกับป่าชุมชน ซึ่งเราได้ประชุมกันในหมู่บ้านแล้ว และเสียงเป็นเอกฉันท์ ให้ดำเนินคดี ขอไม่ทนกับคนนี้อีกแล้ว 2 ปีที่ผ่านมา ชี้แจงไปหลายรอบ ทั้ง นายอำเภอ กรมป่าไม้ ตำรวจ แม้กระทั้งสจ เข้ามาตรวจและทางชุมชนดำเนินการตามขั้นตอนของป่าไม้ทุกอย่าง จนมีกองทุนและบริษัทต่างๆ ช่วยสนับสนุนโครงการป่าชุมชน
นายอริย์ธัช บุญช่วย อายุ 62ปี (เสื้อสีครีมแขนยาว) คณะกรรมการป่าชุมชนบ้านเนินสำเหร่ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านฉาง มีบุคคลอ้างตัวเป็นนักข่าว กระทำการเผยแพร่ข่าวสารต่อสารธรณะโดยมีเนื้อหาที่บิดเบือนความจริง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ทำให้เสียชื่อเสียงและบันทอนจิตใจ ซึ่งป่าชุมชนแห่งนี้เดิมที่เป็นที่ดินครอบครองสิทธิ์ (ภบท5)เขาได้ทำการขุดดินทรายไปขายจนทำให้ป่าเสื่อมโทรม เมื่อเขาตาย ลูกเขาที่รับช่วงต่อ จึงขอยกพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นป่าชุมชน เดิมทีให้ 15 ไร่ ทางชุมชนก็ได้ทำเอกสารเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ที่เทศบาล และทำตามขั้นตอนของกรมป่าไม้ครบถ้วน และพวกตนก็พยายามฟื้นฟูปรับปรุงจนดีขึ้น ปลูกป่า ถมดินด้วยงบส่วนตัวและขอดินจาก กนอ.(แต่ค่ารถขนจ่ายกันเอง) เพื่อทำถนน จนเขาเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง ผู้ครอบครองที่ดิน จึงยกที่ดินเพิ่มให้อีก 9 ไร่ เพื่อทำป่า แต่9ไร่นี้ ทางกรมป่าไม้ยังไม่ได้ผนวกเข้าให้กันแต่เอกสารต่างๆ เขาก็ยกให้เป็นป่าชุนแล้ว
นายบุญชัย สิงห์ทอง (เสื้อขาวใส่หมวก) เผยว่า จากการที่เขาไปโพสต์แบบนั้น ตนขออธิบายว่า ปกติแล้ว จะเข้ามา ถ้าขับรถเข้ามา
ต้องขออนุญาติก่อน ตนไม่ได้หวงห้ามอะไร แต่บอกกล่าวกัน เพราะในนี้มีทรัพย์สินเช่น รถATV.แบตเตอร์รี่สำหรับเก็บแบตโซล่าเซล และอุปกรณ์การเกษตร ตนก็กลัวจะหาย แต่ถ้าเดินเข้ามาสามารถเข้าได้เลย ซึ่งโครงการนี้ เป็นโครงการ 5 ปี ซึ่งพวกตนทำได้แค่ 2ปีเท่านั้น ยังมีแผนพัฒนาอีกที่ยังทำไม่เสร็จ พวกตนทุ่มเท เสียสละกันมากกับการฟื้นฟูป่าแห่งนี้ จากป่าเสื่อมโทรม เพียง 1ปี ได้เท่านี้แล้ว สิ่งที่เขาโพสต์นั้น มันหลายครั้ง บั่นทอนจิตใจให้กับคนทำงานมากๆ เขาไม่เคยมาช่วยมีแต่จะหาเรื่องกัน
หากสงสัยอะไรมาถามพวกตนได้เลย แต่เขารู้ดีอยู่แล้ว เขาพาคนมาตรวจสอบแล้ว ผลสรุปก็มีแล้ว ความจริงมันชัดเจนแต่เขาก็ยังหาเรื่องไม่หยุด
ตนอยากให้เคสนี้เป็นตัวอย่างมีสื่อในมือก็ควรใช้ในทางที่ถูกไม่ใช่รังแกคนอื่น