ลูกสาวเผยกมลวรรณเคยฆ่าคนมาแล้วที่เยอรมันรอบนี้แม่เป็นหนที่3ยันยังไงก็ไม่อภัย
ครอบครัวลั่นไม่ให้อภัยพฤติการณ์เหมือนทำเป็นอาชีพเคยฆ่าคนชิงทรัพย์มาแล้วที่เยอรมันวันนี้มา เชิญดวงวิญญาณแม่กลับบ้าน
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ที่ สวนปาล์มแห่งหนึ่งตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง นางสาววรรณรัตน์ แสงแก้ว อายุ 35 ปี ได้เดินทางพร้อมนิมนต์พระมาเชิญดวงวิญญาณของคุณแม่คือนางวรรณนา ผู้เสียชีวิตจากการฆ่าชิงทรัพย์และตัดนิ้วนางทั้งสองข้างกลับบ้าน ซึ่งส่วนตัวแล้วพี่น้องของคุณแม่ทั้งหมด 14 คนไม่ให้อภัยกับการกระทำที่เกิดขึ้นตนนั้นไม่อยากผูกเวรกับเขาแต่ก็ให้อภัยไม่ได้และขอให้เขาชดใช้กรรมที่ทำกับคุณแม่ในชาตินี้ให้มันจบกันไป ซึ่งตนและพี่ชายคืนแรกนั้นไม่สามารถนอนหลับได้เลยเพราะสะเทือนใจกับการเสียชีวิตของคุณแม่
ปกติแล้วคุณแม่ของตนแต่งตัวสวยตลอดเวลาซึ่งตนก็ได้จุดธูปบอกคุณแม่ว่าการตายของคุณแม่ไม่ตายฟรีแน่นอน พี่ชายหาตัวคนร้ายมาลงโทษได้แล้วซึ่งตนคิดว่าผู้ก่อ เหตุนั้นทำเป็นอาชีพแน่นอนที่ชอบคอยตบทรัพย์ชิงทรัพย์ของคนอื่นจากการติดการพนัน ซึ่งถ้าขอยืมทางคุณแม่ตน 1000 2000 แม่ตนให้อยู่แล้วเพราะเป็นคนใจดีแต่เขาน่าจะหวังมากกว่านั้นจึงลงมือก่อเหตุที่โหดร้ายมาก
เพื่อนเพื่อนของคุณแม่ทั้งไทยและต่างประเทศรับไม่ได้เพราะคุณแม่เป็นคนจิตใจดีเพื่อนเพื่อนเขารักกันทุกคน
สิ่งที่เขาทำนั้นโหดร้ายเกินไป หลอกคุณแม่ของตนมาได้ถึงขนาดนี้อีกทั้งยังตัดนิ้วทั้งสองข้างหวังเพียงแค่ทรัพย์สินเท่านั้นถ้าหากไม่มีคนมาเจอคุณแม่ของตนต้องนอนอยู่ตรงนี้ไม่รู้อีกกี่เดือน
ซึ่งตนนี้ขอขอบคุณทางเจ้าที่ตำรวจโดยเฉพาะชุดสืบของ สภ. วังจันทร์ที่สามารถนำตัวคนร้ายมาลงโทษได้แล้วขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยทำข่าว ทำให้ตนตามหาคุณแม่จนเจอ
และจากกลุ่มคนไทยในเยอรมันที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณวรรณนาและทราบว่าคนร้ายคือนางกมลวรรณ โวลฟ์ ต่างก็มีคอมเม้นต์มาว่าเขาเคยก่อเหตุอยู่ที่เยอรมันฆ่าคนตายชิงทรัพย์ไปสองรายติดคุกเยอรมัน 10 ปี สามีเขาช่วยในเรื่องคดีจนถูกส่งกลับมาเมืองไทย ,คนแรกเป็นฝรั่งที่ตายคนที่สองเป็นคนไทยไม่ตาย, เขาเคยอยู่ทางที่นั่น คนเก่าเก่าที่นี่เล่าให้ฟังฝรั่งที่ตายคนแรกเจอในบ่อนแล้วเล่นได้เยอะจึงร่วมกันปล้นกับผู้ชายอีกคนรุมแทงเขาเสียชีวิตตั้ง
80 แผล
ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ที่สภ. วังจันทร์ จังหวัดระยอง พลตำรวจตรีฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงศ์รองผู้ บัญชาการตำรวจภูธรภาค2 เผยว่า จากคดีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็น คดีสะเทือนขวัญอย่างมาก
เมื่อ 15 พ.ย.67 เวลาประมาณ 17.30น. พบศพนางวรรณา คือห์เนอร์ อายุ 65ปี ที่ บริเวณสวนปาล์ม ม.3 ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง สภาพศพมีร่องรอยถูกดีที่ศีรษะ และนิ้วนาง ข้างซ้าย – ขวา ขาดหายไป
ต่อมาได้สืบสวนจนทราบตัวคนร้าย คือ นางกมลวรรณฯ อายุ 56ปี อยู่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงได้ขอออกหมายจับนางกมลวรรณฯ ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือ ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย” และสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของ
กลาง
๑. สร้อยคอทองคำ จํานวน ๑ เส้น
๒. สร้อยข้อมือทองคำ จำนวน ๑ เส้น
๓. แหวนเพชร จํานวน ๒ วง
๔. รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน จร ๒๘๑๔ ชลบุรี จำนวน ๑ คัน ชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นเพื่อนกับผู้ตาย โดยวางแผนชวนผู้ตายมายังที่
เกิดเหตุ เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์สิน เมื่อขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ลงจากรถแล้วไปเปิดประตูรถ ฝั่งที่ผู้ตายนั่งอยู่และได้กระชากผู้ตายลงจากรถ แล้วได้ใช้แท่งเหล็กข้ออ้อยยาวประมาณ 40 เซนติเมตร ตีเข้าไปบริเวณใบหน้าและลำตัวของผู้ตายหลายครั้งจนผู้ตายแน่นิ่งไป จากนั้นผู้ต้องหาได้ถอดเอา ทรัพย์สินของผู้ตาย แต่แหวนเพชรไม่สามารถถอดได้ จึงใช้ท่อนเหล็กกระแทกจนนิ้วนางทั้งซ้าย-ขวา ขาด จึงได้ถอดแหวนที่ติดกับนิ้วของผู้ตายออกได้ แล้วได้โยนนิ้วที่ขายทิ้งบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้น ผู้ต้องหาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนำไปทิ้งในถังขยะข้างทาง หลังจากนั้นได้ขับรถหลบหนีมุ่งหน้าไป อ.บ้าน บึง จ.ชลบุรี โดยได้นำสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ และแหวนเพชรทั้ง ๒ วง ไปขายที่ร้านทองใน อ.บ้านบึง ได้เงิน จำนวน 88,300 บาท โดยผู้ต้องหาได้นำเงินดังกล่าวไปใช้หนี้สิน
มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ ผู้ต้องหามีหนี้สินจำนวนมาก และเห็นว่าผู้ตายมีทรัพย์สินติดตัวเป็น
จำนวนมาก จึงวางแผนก่อเหตุในครั้งนี้โดยประสงค์ต่อทรัพย์
และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังยังศาลจังหวัดระยองในเวลา 14.00 น.