แม่น้ำตาแตกหน้าโรงพัก สงสัยลูกเป็นแพะคาดเจ้าที่ ตำรวจจับผิดตัวร้องสื่อยืนยันความบริสุทธิ์
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่ สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง น.ส.ลักษขะณา พีรพรทวี อายุ 41 ปี ขอร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ให้ช่วยนำเสนอ เรื่องราวของตน หลังลูกชายยืนยันเป็นแพะในคดี ทำร้ายร่างกายถูกตำรวจตามไปจับถึงที่ทำงานขอ วอนตีแผ่เรื่องของตน
น.ส.ลักษขะณา เล่าว่า เหตุเกิดจาก เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 67 มีข่าว หนุ่มหัวร้อนต่อยลุง วิน จักรยานยนต์รับจ้างวัย68ปี ที่ซอยประชุมมิตร ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งรถ คันที่เกิดเหตุตามวงจรปิดในขณะนั้นเป็นรถกระบะ 4 ประตูสีดำ โหลดเตี้ย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมา เป็นหลักฐานในทางคดี
ต่อมาเมื่อ 26 กันยายน เวลา 12.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง ได้นำหมายจับศาลจังหวัดระยอง มาจับกุมตัว ลูกชายของตน ในเวลาเที่ยงที่บริษัทแห่งหนึ่งใน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง
ตนนั้น พยายามต่อสู้และประกันตัวลูกชายออก มา และมั่นใจว่าลูกชายของตนไม่ได้กระทำความ ผิด ซึ่งหลักฐานที่ชัดๆเลยคือ ลูกชายของตนขับรถ ไม่เป็น อย่างในช่วงที่ซื้อรถมาตนก็ได้บอกกับเซลล์ ขายรถว่าลูกชายจะซื้อรถให้ตนเอาไว้ขายของจึงใช้ ชื่อลูกชายเป็นผู้ซื้อแทน เซลล์ยังบอกหากตำรวจจะ สอบเป็นพยานให้มาสอบได้เลย
และหลักฐานที่ขัดแย้งกับข้อมูลจากทางตำรวจ คือ รถกระบะที่ครอบครัวใช้เป็นรถโตโยต้า 4 ประตู สี เทา รุ่น Prerunner ยกสูง ซึ่งไม่ตรงกับที่ปรากฏ อยู่ในข่าวเลย ซึ่งเหตุช่วงนั้นตนก็ไม่ได้สนใจมารู้ก็ เพราะตำรวจมาจับลูกชายของตัวเองไป เหตุเกิด ผ่านมา 5 เดือนแล้ว
หลังจากที่ลูกชายถูกจับตนก็กลับไปหาดูข่าวว่าเหตุ มันเกิดขึ้นตรงไหนและพยายามเข้าไปสอบถามหา ข้อมูลจนทราบว่า เรื่องเกิดวันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 20.02 น. ภาพจากกล้องวงจรปิดตรงร้านค้า ที่เกิดเหตุ และให้ร้านค้าดู ว่า ใช่รถคันนี้ไหมที่มาก่อ เหตุและใช่ตัว ลูกชายหรือไม่ ซึ่งร้านค้าก็บอกว่าไม่ใช่ แต่ผู้เสียหาย คู่กรณีเขาบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ารถ ไม่ใช่คันก่อเหตุแต่ชี้ตัวว่าลูกชายของตนนั้นเป็นผู้กระทำลูกชายของตนยังถามกับผู้เสียหายเลยว่า” ผมไป ต่อยลุงตอนไหนผมไม่เคยมีเรื่องกับใครเลย” ซึ่งตนเชื่อว่าผู้เสียหายจำผิดคนแน่ๆพราะผ่านมา 5 เดือนแล้วและพยานที่ผู้เสียหายเอามาชี้ตัวลูกตนนั้น เขาก็เป็นญาติกันและเขามั่นใจได้อย่างไร
ซึ่งวันที่ 15 พฤษภาคมเวลา20.04 นาที ลูกชาย ของตนซื้อของอยู่ปากซอยซึ่งอยู่ห่างจากในที่เกิด เหตุประมาน 4กิโลเมตร ในเวลานั้นลูกชายของตน ยังสแกนหน้าจ่ายเงินให้ร้านค้าปากซอยอยู่เลย ซึ่งตนโทรไปหาบริษัท Dtac เพื่อขอพิกัด GPS ว่า ลูกชายของตนนั้นไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแต่ทาง dtac ให้ ทางลูกชายของตนมาแจ้งความเพื่อนำเอกสาร ใบแจ้งความมาเป็นหลักฐานส่งไป เขาถึงจะส่งกลับ มาให้ได้
วันนี้ตนเข้ามาที่ สภ.และได้โทรหา พนักงาน สอบสวนเจ้าของคดีเขาก็ไม่ยอมคุยกับตนเลย
ตนนั้นอึดอัดใจมากๆเพราะพยายามหาหลักฐานมา ยืนยันความบริสุทธิ์ของลูกชาย เพื่อนำไปโต้แย้งและ พิสูจน์ ในกระบวนการทางกฎหมายเพื่อยื่นยันว่าไม่ ได้อยู่ในที่เกิดเหตุในวันและเวลาดังกล่าว
ประเด็นที่ตนสงสัยมากคือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเขา สืบหาตัวผู้ก่อเหตุตัวจริง จากรถกระบะที่ก่อเหตุใช่ ไหม ซึ่งรถของตนไม่เหมือนกับรถที่ก่อเหตุเพียง แต่รถตนใช้เส้นทางถนนสายนี้อยู่เป็นประจำเพราะ ตนขายของอยู่ที่ตลาดรุ่งโรจน์ต้องใช้รถขนของส่ง ของอยู่ตลอด
วันนี้ก็เลยมาขอความเป็นธรรมกับทางผู้กำกับ สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง
พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.สภ.บ้านฉาง เผยว่า ใน คดีนี้ทาง พนักงานสอบสวนได้ส่งหมายเรียกไปหา แล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่มาพบพนักงานสอบสวน ที่เขาไม่ มา เขาแจ้งว่า มีทะเบียนบ้านอยู่ที่ต่างจังหวัด จึงไม่ ทราบว่ามีหมายเรียก เมื่อเจ้าหน้าที่ ออกหมายเรียก ไปแล้ว 2 ครั้ง จึงขออำนาจศาลออกหมายจับ และ ในส่วนของ ที่เขาจะมาขอเอกสารต่างๆ ก็ให้เขาไป ทำหนังสือ เข้ามาที่ตน ตนจะพิจารณาว่าเอกสาร ใดที่สามารถให้ได้ ก็จะให้ไป เพื่อดำเนินการในการ ขอหลักฐานต่างๆ เอามายืนยันความบริสุทธิ์ของ ตัวเอง และขอให้มั่นใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายซึ่งทุกอย่างต้องอยู่ภาย ใต้ของกฎหมาย
นายเอ(นามสมมุติเสื้อเขียวเบลอหน้าด้วย) เผยว่า ตนยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ส่งหมายไปแต่ตนไม่รู้จริงๆ หากตนรู้ว่ามีหมายเรียกก็คงจะเข้ามาหาเจ้าที่ตำรวจ เรื่องมันอาจจะไม่ได้แย่ขนาดนี้
น.ส.ลักษขณา ยังเล่าอีกว่า ตนจะกลับไปทำตาม ที่ผู้กำกับแนะนำ และเข้าใจแล้วว่า เอกสารอะไร บ้างที่สามารถให้ได้ซึ่งแค่นี้ตนก็ดีใจมากแล้ว จะ ได้ นำเอกสารเหล่านี้ไปขอ GPS รถและ GPS ของ โทรศัพท์เพื่อยืนยันตัวตนของลูกชายว่าไม่ได้อยู่ในที่ เกิดเหตุอย่างแน่นอน และถ้าหากตนได้ความบริสุทธิ์ ของลูกตนคืนมาแล้ว ตนจะ เล่าเรื่องของตนให้ กับทุกคนได้ฟังว่า การที่เราถูกออกหมายจับ กว่า จะสู้ออกมาจนชนะมันยากมากแค่ไหน ความรู้สึก ของตนและครอบครัว เป็นอย่างไรและอยาก ฝาก บอกถึงคู่กรณี ว่าลูกชายของตนนั้นไม่ได้ทำร้าย เขาจริงๆเขามั่นใจใช่ไหมว่าลูกของตนทำ ขอให้เขา เห็นใจและให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตนด้วย
ส่วนท้ายนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอฝากถึง ประชากร แฝงที่ย้ายที่อยู่ที่ทำมาหากินและไม่ได้ย้ายทะเบียน บ้านมาในถิ่นฐานที่ใช้ชีวิตอยู่ในประจำวันว่าควรย้าย ทะเบียนบ้านมาด้วยจะดีที่สุดหากมีคดีความใดๆ เอกสารจากทางตำรวจ จะได้ส่งถึงและรับทราบได้ใน ทันที